ฉีดลดริ้วรอย เป็นวิธีการที่ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ลง แต่ควรศึกษาข้อมูล เลือกคลินิก และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างเคร่งครัด
ฉีด ลดริ้วรอย กี่วันเห็นผล ?
การรักษาเพื่อลดริ้วรอยมีหลากหลายวิธี โดยหนึ่งในนั้นคือการฉีดเพื่อช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า ระยะเวลาในการเห็นผลและการอยู่ได้นานของการรักษานี้มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความบริสุทธิ์ของยาที่แตกต่างกันในแต่ละแบรนด์ที่เลือกใช้ ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันเนื่องจากฐานการผลิตของแต่ละแบรนด์
ตำแหน่งที่ฉีดเพื่อลดริ้วรอยนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการรักษาของคนไข้แต่ละบุคคล ความเหมาะสมของโดสที่ฉีด การดื้อยา รวมไปถึงการดูแลและการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล ซึ่งบางคนอาจเห็นผลได้ช้าและทำให้เกิดความกังวลได้
- การฉีดเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม จะเริ่มเห็นผลเต็มที่ประมาณ 4-6 สัปดาห์หลังฉีด โดยกล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะค่อยๆนิ่มและเล็กลง
- การฉีดลดริ้วรอย จะเริ่มรู้สึกตึงๆ หลังฉีดประมาณ 3-7 วัน และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังฉีด
- การฉีดเพื่อลิฟท์หน้าจะเริ่มเห็นผลเต็มที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ หลังฉีด
- การฉีดเพื่อลดเหงื่อ จะเห็นผลประมาณ 2-4 สัปดาห์ หลังฉีด
ระยะเวลาที่เห็นผลต่างกันนั้น เนื่องจากการฉีดรักษาตำแหน่งที่ต่างกัน ขนาดกล้ามเนื้อที่ต่างกัน เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลา ถึงแม้ว่ากลไกของการฉีดลดริ้วรอยนั้นจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาททำให้กล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงและขยับได้น้อยลงตรงบริเวณที่ฉีดเหมือนกันก็ตาม
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ของฉีดลดริ้วรอย
ตำแหน่งที่ ฉีดลดริ้วรอย
ขนาดของกล้ามเนื้อแต่ละบริเวณที่ไม่เท่ากันเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อระยะเวลาในการเห็นผลหลังฉีดได้ และในแต่ละบุคคลก็มีปัญหาขนาดกล้ามเนื้อที่แตกต่างกันออกไป
การฉีดลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว รอยตีนกาที่เกิดจากการแสดงสีหน้า จะเริ่มเห็นผลประมาณ 3-7 วันหลังฉีด
โดยจะออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นทำงานและขยับได้น้อยลง ทำให้ริ้วรอยดูลดลง ดูอ่อนกว่าวัย สาเหตุที่การฉีดลดริ้วรอยเห็นผลไวเนื่องจากมัดกล้ามเนื้อตรงนี้มีขนาดที่เล็ก ส่งผลให้กลไกออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์เห็นผลได้ไว
การฉีดลดกราม เพื่อลดกล้ามเนื้อกราม จะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 4-6 สัปดาห์หลังฉีด
โดยกลไกการออกฤทธิ์จะช่วยให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง สาเหตุที่ระยะเวลาเห็นผลต่างกัน เป็นเพราะบริเวณกรามใช้งานค่อนข้างหนัก เกิดจากการเคี้ยวอาหาร การใช้ชีวิตประจำวัน และบางคนมีขนาดที่เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน จึงทำให้ระยะเวลาที่เห็นผลในละคนต่างกันออกไป
การฉีดลิฟท์หน้า เพื่อลิฟท์บริเวณกรอบหน้า จะเห็นผลที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์
ทั้งนี้ระยะเวลาที่เห็นผลจะต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับผิวที่ไม่กระชับในแต่ละบุคคล การฉีดลิฟท์หน้าจะออกฤทธิ์ต่อเซลล์ผิวหนังให้หดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เป็นการฉีดเพื่อให้ผิวดูกระชับ กรอบหน้าดูชัดขึ้น ดูคมขึ้น
การฉีดลดเหงื่อ จะเริ่มเห็นผลที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังฉีด
ระยะเวลาจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด และ การทำงานของต่อมเหงื่อในแต่ละบุคคล บริเวณการฉีดลดเหงื่อที่นิยม คือ รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ซึ่งการทำงานจะไปลดการทำงานของต่อมเหงื่อ
โดสยา
จำนวนโดสยาหรือยูนิตที่ใช้ในแต่ละบริเวณนั้นมีข้อจำกัด เนื่องจากหากใช้จำนวนโดสยาที่มากเกินไปอาจจะเกิดการกระจายไปกล้ามเนื้ออื่นที่ไม่ต้องการและผลลัพธ์ที่ได้จะแข็งไม่เป็นธรรมชาติได้ หากน้อยเกินไปจะทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ในการใช้โดสยานี้แพทย์จึงจะประเมินจากปัญหาในแต่ละบริเวณของคนไข้แต่ละคน
โดยแต่ละบริเวณที่นิยมฉีดโบท็อกซ์ไม่ควรใช้โดสยาเกินดังนี้
- กราม โดสยาที่ใช้ไม่ควรเกินปริมาณข้างละ 30-50 ยูนิต ในคนที่มีก้อนกล้ามเนื้อที่ใหญ่มากๆแพทย์จะประเมินใช้จำนวนโดสยาให้เหมาะสม เพราะถ้าฉีดมากเกินไปจะทำให้แก้มดูตอบ โหนกแก้มดูสูง และยิ้มแข็งๆ ได้ ดังนั้นแพทย์จำเป็นจะต้องประเมินการใช้โดสยา ให้เหมาะสมในแต่ละเคส
- หน้าผาก โดสยาที่ใช้จะไม่ควรเกินปริมาณ 15-20 ยูนิต เพราะหน้าผากเป็นส่วนแสดงสีหน้าอารมณ์จะทำให้ดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติ และหนังตาตกได้
- ระหว่างคิ้ว โดสยาที่ใช้ไม่ควรเกินประมาณ 6-15 ยูนิต เพราะระหว่างคิ้วก็เป็นส่วนที่แสดงสีหน้า อารมณ์ อาจจะทำให้ดูแข็งมากเกินไป ดูไม่เป็นธรรมชาติ และหนังตาตกได้
- หางตา โดสยาที่ใช้ไม่ควรเกิน 10-25 ยูนิต หากใช้ในจำนวนโดสมากไปจะทำให้หางคิ้วกระดกสูงขึ้น ดูตึงแข็งไม่เป็นธรรมชาติได้
- น่อง โดสยาที่ใช้ไม่ควรเกินประมาณข้างละ 100 ยูนิต ในส่วนนี้หากใช้จำนวนโดสที่มากเกินไป จะทำให้กล้ามเนื้อน่องอ่อนแรง ยกขาและเดินลำบากได้
- ฉีดเพื่อลดเหงื่อบริเวณรักแร้ โดสยาที่ใช้ประมาณ ข้างละ 50-100 ยูนิต ทั้งนี้ในส่วนของตำแหน่งการลดเหงื่อนั้นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ จะทำให้การประเมินโดสยาเป็นไปตามปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล
ได้มาตรฐาน ผ่านอย. หรือไม่ ?
ในประเทศไทยมีแบรนด์ที่ได้รับมาตรฐานจาก อย. หลายแบรนด์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์จากอเมริกา อังกฤษ เยอรมัน และเกาหลี
จุดเด่นในแต่ละแบรนด์จะแตกต่างกัน เนื่องจากวิธีการผลิตที่ทำให้ขนาดโมเลกุล ความบริสุทธิ์ ที่ต่างกัน จึงทำให้คุณสมบัติการกระจายตัวของแต่ละแบรนด์ต่างกัน ข้อดีของการฉีดลดริ้วรอยที่ได้รับมาตรฐาน ยาของแท้ ทำให้อยู่ได้นาน ปลอดภัย ไม่เสี่ยงดื้อยาและเห็นผลด้วย
ความเข้มข้นของตัวยาที่ผสม
หลายคนเคยสงสัยว่าทำไมฉีดไปแล้วถึงไม่เห็นผล ทำไมเห็นผลช้า ทั้งที่ฉีดตัวแบรนด์เดียวกัน เหตุผลเหล่านี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาไม่ได้มาตรฐาน (ของปลอม) ไม่ได้ฉีดกับแพทย์และคลินิกที่ไม่มีมาตรฐาน ยาหิ้ว การผสมยาการเจือจางยาและจำนวนยูนิตที่ไม่เหมาะสม
การเจือจางของยา หลายคนคงพอทราบมาบ้างว่า ตัวยานี้จะมาในรูปแบบของผง ดังนั้นจะต้องมีการเจือจางกับน้ำเกลือ NSS ก่อนที่จะฉีดรักษาบริเวณต่างๆ ซึ่งการผสมยาจะมีสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของแต่ละหัตถการ
แต่ถ้าหากเจือจางในน้ำเกลือที่มากไป จะทำให้ตัวยากระจายมากเกินไปผลลัพธ์ที่ได้จะไม่แม่นยำ ทำให้เกิดยิ้มแข็ง หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยวได้
การดื้อยา
เคยไหมฉีดลดริ้วรอยแล้วไม่เห็นผล หรือเห็นผลช้าลง? สาเหตุอาจมาจากภาวะดื้อยา ซึ่งมีหลายสาเหตุ ดังนี้
สาเหตุของการดื้อยา
- เคยฉีดยาปลอม หรือไม่ได้มาตรฐาน: ยาเหล่านี้มีสารปนเปื้อนสูง และจำนวนยาไม่ตรงตามฉลาก ส่งผลต่อประสิทธิภาพ
- ฉีดบ่อยเกินไป: ปกติควรเว้นระยะห่าง 3-4 เดือนต่อครั้ง รอให้ระดับภูมิคุ้มกันต่อยาในร่างกายลดลง
- ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อยา: เมื่อฉีดลดริ้วรอยบ่อย ร่างกายจะจดจำว่ามีสิ่งแปลกปลอม และสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้าน ทำให้ผลลัพธ์ลดลง
อาการของการดื้อยา
- เห็นผลช้าลง
- ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน
- ไม่เห็นผลเลย
การป้องกัน
- เลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และคลินิกที่ได้มาตรฐาน
- เลือกยาแท้ ที่ได้มาตรฐานจาก อย.
- เว้นระยะห่างการฉีดอย่างเหมาะสม
- ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดทุกครั้ง
ฉีดลดริ้วรอย อยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยปกติแล้ว ฉีดลดริ้วรอยจะอยู่ได้นาน ประมาณ 3-8 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลา
- แบรนด์: แต่ละยี่ห้อมีสูตรและกรรมวิธีผลิตที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อระยะเวลาการออกฤทธิ์
- การใช้ชีวิตประจำวัน: การอยู่ที่อุณหภูมิร้อน การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ล้วนส่งผลต่อการสลายตัว
- การดูแลหลังฉีด: การหลีกเลี่ยงการนวดหน้า การก้มหน้า งดการออกกำลังกาย ล้วนช่วยให้อยู่ได้นานขึ้น
- ตำแหน่งที่ฉีด: หากฉีดบริเวณกล้ามเนื้อที่ใช้งานบ่อย เช่น หน้าผาก หางตา จะอยู่ได้สั้นกว่าบริเวณที่ใช้งานน้อย เช่น กราม
- จำนวนยูนิตที่ฉีด: ยูนิตที่มากขึ้น ย่อมอยู่ได้นานกว่า
วิธีดูแลหลัง ฉีดลดริ้วรอย
- ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด 15 นาที
- นอนหงาย ศีรษะสูง 30 องศา 4-6 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ก้มหน้า งดการออกกำลังกาย 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงความร้อน แสงแดด งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์
สรุป
ระยะเวลาของผลลัพธ์หลังฉีดลดริ้วรอยนั้น สัมพันธ์กับปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยของตำแหน่งที่ฉีด ความบริสุทธิ์ของยาในแต่ละแบรนด์ การกระจายของตัวยา ภาวะการดื้อยา และการดูแลในข้อห้ามต่างๆหลังฉีดลดริ้วรอย
และที่สำคัญอีกข้อหนึ่งเลย การเลือกคลินิกความงามที่มีมาตรฐาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านผิวพรรณและมีประสบการณ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นข้อที่คนไข้ควรคำนึงถึงก่อนที่จะเลือกฉีดลดริ้วรอย เนื่องจากส่งผลต่อผลลัพธ์และระยะเวลาในการเห็นผลได้