การให้ EGCG ทางหลอดเลือดดำ

EGCG ที่รู้จักในชื่อเต็มว่าเอพิกัลลอแคทเทคิน กัลเลท เป็นสารสกัดจากพืชที่เรียกว่าแคทเทคิน ซึ่งอยู่ในกลุ่มของโพลีฟีนอล EGCG มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ สามารถปกป้อง จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ

สารบัญ

ประโยชน์

  • EGCG มีประสิทธิภาพในการกำจัดสารอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย ช่วยปกป้องและเนื้อเยื่อจากความเสียหาย ทั้งยังช่วยชะลอวัย ป้องกันการเจ็บป่วย และโรคบางชนิด
  • EGCG อาจช่วยลดระดับไขมันไม่ดี (LDL) และคอเลสเตอรอล, ลดความดันเลือดและช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น จึงลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง เพิ่มกระบวนการเผาผลาญไขมันและการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย จึงช่วยเสริมเรื่องการลดน้ำหนัก
  • EGCG ช่วยต้านโดยยับยั้งการเจริญเติบโต, อะพอพทอซิส และขัดขวางการสร้างหลอดเลือดใหม่ที่จะไปเลี้ยงให้ก้อนโตขึ้น
  • EGCG ช่วยเรื่องระบบประสาท ป้องกันการเสี่อมของระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน โดยการยับยั้งการสร้างคราบเบต้า-อะมิลอยด์ และความไม่สมดุลของการเกิดอนุมูลอิสระในสมอง
  • EGCG ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและความไวต่ออินซูลินของร่างกาย ช่วยปรับการเผาผลาญน้ำตาล
  • EGCG ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ในผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ, และโรคบางชนิด

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่อยากการป้องกันโรค EGCG สามารถเสริมสร้างกลไกการซ่อมแซม DNA ซึ่งช่วยแก้ไขความผิดปกติทางพันธุกรรมที่อาจนำไปสู่การเจริญเติบโต
  • EGCG เหมาะสำหรับบุคคลที่ต้องการพัฒนาสุขภาพสมองและลดความเสี่ยงต่อโรคเสื่อมของระบบประสาท
  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจาก EGCG ช่วยเรื่องการทำงานของเส้นเลือด
  • ผู้ที่ต้องการปรับปรุงสุขภาพตับ EGCG จะปกป้องตับจากสารพิษบางประเภท รวมถึงสารพิษที่พบในแอลกอฮอล์
  • ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก EGCG จะเพิ่มกระบวนการก่อเผาผลาญ (thermogenesis) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ร่างกายสร้างความร้อนและเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น
  • ผู้ที่มีการอักเสบในร่างกายและปัญหาข้อ การสลายของกระดูกสันหลังเป็นลักษณะหลักของโรคข้อเสื่อม และEGCG อาจช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ได้
  • บุคคลที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด EGCG จะช่วยควบคุมระดับอินซูลิน เมื่อภาวะความไวต่ออินซูลินดีขึ้นก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้นไปด้วย ยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของกลูโคสไม่ให้ถูกเก็บกักในร่างกายเป็นไขมัน

ควรให้บ่อยแค่ไหน?

สำหรับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สามารถทำทรีทเม้นท์ทุกๆ 7 วัน เป็นระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ ในผู้ที่ต้องใช้ต่อเนื่อง ควรได้รับการตรวจเลือดเพื่อตรวจสอบการทำงานของไต ตับ ถุงน้ำดี และหัวใจ และไม่มีข้อจำกัดในการปฏิบัติตัวหลังการให้

ขั้นตอน

การให้ EGCG ผ่านทางหลอดเลือดดำโดยตรง แทนการรับประทานที่ต้องผ่านการดูดซึมจากกระเพาะอาหาร จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ทันที ระยะเวลาในการให้ทางหลอดเลือดประมาณ 1 ชั่วโมง

กว่า 10 ปี แห่งความไว้วางใจ

ระยะเวลาสิบปีของการให้บริการด้านความงามและสุขภาพ เราได้รับการยอมรับสำหรับความมุ่งมั่นในคุณภาพการดูแลเป็นส่วนตัวและการรักษาแบบพรีเมียม การเดินทางตลอด 10 ปี ของเราสะท้อนถึงนวัตกรรมและความเป็นเลิศในทุกความพึงพอใจจากลูกค้า

มากกว่า 10 ปีแห่งความเชี่ยวชาญ ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้บริการดูแลผิวพรรณและความงามชั้นนำในภูเก็ต คลินิกสยามมีคุณภาพที่ยาวนานถูกยกย่องผ่านรางวัลมากมาย
การดูแลแบบเป็นส่วนตัว แผนการรักษาที่ปรับเฉพาะตัว ให้ความสนใจแบบเฉพาะบุคคลกับทุกคน รับประกันความพึงพอใจและผลลัพธ์ที่ชัดเจน
การันตีด้วยรางวัล 8 ปีซ้อน
ได้รับเกียรติเป็นคลินิกพรีเมียมท็อป 100 ความมุ่งมั่นของเราในความเป็นเลิศได้รับการยอมรับจากรางวัลชั้นนำ รวมถึงรางวัลท็อป 1 ใน 100 คลินิกพิเศษจาก Galderma Thailand
ยา เเละเครื่องมือที่คุณภาพระดับพรีเมียม
เราใช้เฉพาะ Filler Restylane จากสวีเดน และ D y s p o r t จากอังกฤษ รับประกันว่าทุกการรักษาใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์แท้คุณภาพดีที่สุด