การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหนึ่งในวิธีเสริมความงามยอดนิยมที่ช่วยลดรอยคล้ำ เติมเต็มร่องลึก และ เพิ่มความสดใสให้ดวงตาดูอ่อนวัยในทันที แต่สำหรับคนที่เพิ่งทำครั้งแรก อาจเกิดความกังวลเกี่ยวกับอาการหลังทำ เช่น บวม แดง หรือช้ำ ดังนั้น การเข้าใจถึงอาการที่ปกติและอาการที่ควรระวังจะช่วยให้คุณดูแลตัวเองได้ดีขึ้น และ ได้รับผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและสวยงาม
อาการปกติ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีอาการเล็กน้อยที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ และ จะค่อยๆ หายไปในเวลาไม่นาน ได้แก่
- บวมเล็กน้อย
บริเวณใต้ตาอาจมีอาการบวมในช่วง 1-3 วันแรก เนื่องจากเข็มที่ใช้ฉีด และ ตัวฟิลเลอร์ที่เพิ่งถูกใส่เข้าไปในผิว อาการนี้จะลดลงเองโดยไม่ต้องกังวล - รอยแดงจุดเล็กๆ
เป็นรอยที่เกิดจากการฉีดเข็ม และ จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน - อาการคันหรือรู้สึกตึงใต้ตา
รู้สึกคันเล็กน้อยหรือตึงๆ บริเวณที่ฉีด เนื่องจากฟิลเลอร์กำลังเข้าที่ในชั้นผิว - ช้ำเล็กน้อย
บางคนอาจมีรอยช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นผลจากเส้นเลือดฝอยที่ถูกกระทบในระหว่างการฉีด รอยช้ำมักจะหายไปภายใน 5-7 วัน
อาการที่ควรระวัง หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
แม้อาการส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและหายไปเอง แต่หากพบอาการต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที:
- บวมแดงมากผิดปกติ
หากอาการบวมแดงลุกลามเกิน 3 วัน และรู้สึกร้อนหรือเจ็บบริเวณที่ฉีด อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ - ก้อนแข็งหรือไม่เรียบใต้ตา
หากสัมผัสได้ถึงก้อนแข็ง หรือเห็นเป็นคลื่นใต้ตา อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่กระจายตัว หรือฉีดในชั้นผิวที่ไม่เหมาะสม - อาการปวดรุนแรง
หากมีอาการปวดอย่างต่อเนื่องหรือรุนแรง อาจบ่งบอกถึงการอุดตันของหลอดเลือด หรือการกดทับหลอดเลือดบริเวณใต้ตา - ฟิลเลอร์ไหลไปยังบริเวณอื่น
ฟิลเลอร์ที่ฉีดอาจเคลื่อนไปยังบริเวณอื่น ทำให้เกิดอาการบวมผิดที่ เช่น บวมที่แก้มหรือถุงใต้ตา - การมองเห็นผิดปกติ
หากเกิดอาการตาพร่า หรือสูญเสียการมองเห็นในบางส่วน อาจเป็นสัญญาณของการอุดตันในเส้นเลือดที่เชื่อมต่อกับดวงตา ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันที
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากอาการข้างเคียง คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้:
- หลีกเลี่ยงการกดหรือถูบริเวณใต้ตา
ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์ - ประคบเย็นเบาๆ
ช่วยลดอาการบวมและช้ำ ควรทำในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด - ดื่มน้ำมากๆ
การดื่มน้ำช่วยให้ฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid อุ้มน้ำได้ดี และผลลัพธ์คงอยู่นานขึ้น - งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้หน้าเผชิญความร้อน
เช่น ซาวน่า หรือการออกกำลังกายหนัก ในช่วง 1 สัปดาห์แรก - ใช้ยาตามคำแนะนำแพทย์
เช่น ยาแก้ปวดหรือยาลดบวม หากจำเป็น
ความเสี่ยงที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมหรือฉีดในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน ความเสี่ยงเหล่านี้ได้แก่
- การอุดตันของหลอดเลือด
หากฟิลเลอร์ถูกฉีดเข้าไปในหลอดเลือดโดยตรง อาจทำให้เกิดการอุดตัน ซึ่งในกรณีร้ายแรงอาจส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิตและทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นเสียหายได้ หากเกิดขึ้น ต้องได้รับการรักษาทันที - การติดเชื้อ
การฉีดฟิลเลอร์ในสถานที่ที่ไม่สะอาดหรือใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้ฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักแสดงอาการเป็นบวมแดงและปวดรุนแรง - ฟิลเลอร์เป็นก้อน
หากฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป หรือฉีดในชั้นผิวที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนใต้ผิวหนัง ทำให้ดูไม่เรียบเนียน - อาการแพ้
แม้จะพบได้น้อย แต่บางคนอาจเกิดอาการแพ้ฟิลเลอร์ เช่น มีผื่นแดงหรือบวมผิดปกติ หากเกิดอาการนี้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
เคล็ดลับการดูแลผลลัพธ์ให้ยาวนาน
แม้ว่าฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถสลายไปเองตามธรรมชาติ แต่การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นและดูสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ
- ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
Hyaluronic Acid ในฟิลเลอร์จะอุ้มน้ำได้ดี การดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้นและฟิลเลอร์คงรูปได้นาน - หลีกเลี่ยงการสัมผัสร้อนจัด
การสัมผัสความร้อน เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือแดดจัด อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น - ดูแลผิวใต้ตาเป็นพิเศษ
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับบริเวณใต้ตา เช่น เซรั่มหรือครีมที่มีส่วนผสมช่วยลดรอยคล้ำและบำรุงความยืดหยุ่นของผิว - ตรวจเช็คกับแพทย์เป็นระยะ
การกลับไปตรวจเช็คผลลัพธ์กับแพทย์จะช่วยให้มั่นใจว่าฟิลเลอร์ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และปรับแต่งเพิ่มเติมได้หากจำเป็น
ฟิลเลอร์ใต้ตา การเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
การเลือกชนิดฟิลเลอร์สำหรับการฉีดใต้ตาเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์และความปลอดภัย โดยฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับบริเวณใต้ตาต้องมีคุณสมบัติพิเศษ เช่น เนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม เพื่อให้เข้ากับบริเวณผิวที่บางและบอบบางที่สุดของใบหน้า
ชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับใต้ตา
- Hyaluronic Acid (HA) Filler
ฟิลเลอร์ประเภทนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะสามารถปรับแต่งรูปทรงได้ง่าย และมีความยืดหยุ่นดี ฟิลเลอร์ HA ยังสามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติ และในกรณีที่ต้องการแก้ไข แพทย์สามารถใช้เอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อสลายฟิลเลอร์ได้อย่างปลอดภัย ยี่ห้อที่ได้รับความนิยม เช่น Juvederm, Restylane และ Belotero - ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลเล็ก
สำหรับใต้ตา ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลเล็ก เนื้อบางเบา เพื่อป้องกันการเกิดก้อนและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เช่น Restylane Refyne หรือ Juvederm Volbella - ฟิลเลอร์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่ HA
ในบางกรณี แพทย์อาจใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่ HA เช่น Poly-L-Lactic Acid หรือ Calcium Hydroxylapatite อย่างไรก็ตาม ฟิลเลอร์เหล่านี้ไม่สามารถสลายได้ง่ายหากเกิดข้อผิดพลาด ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและมั่นใจในแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีเสริมความงามที่ช่วยแก้ปัญหาร่องลึก รอยคล้ำ และเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า อาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อยหลังฉีดถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากพบอาการรุนแรง เช่น บวมแดงมาก เจ็บผิดปกติ หรือการมองเห็นผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
อย่าลืมเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อให้คุณมั่นใจและได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุด!