รู้จักประเภทฟิลเลอร์ เลือกฟิลเลอร์อย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง (ฉบับเจาะลึก)

สารบัญ

วันนี้เราจะพาไปรู้จักประเภทฟิลเลอร์ และวิธีเลือกฟิลเลอร์ให้ตรงกับสไตล์และความต้องการของคุณเอง ในโลกแห่งความงามวันนี้ ฟิลเลอร์กลายเป็นคำที่เรารู้จักกันดี ด้วยประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาผิวหน้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก แก้ไขรูปหน้า หรือเพิ่มความอวบอิ่มให้กับผิว โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัด

รู้จักประเภทฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ในด้านการแพทย์เสริมความงามมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ได้จำแนกประเภทฟิลเลอร์ที่มักใช้ในคลินิกความงามดังนี้

1.ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Filler)

  • ผลิตจากสารธรรมชาติ เช่น กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid)
  • อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • ปลอดภัย โอกาสแพ้น้อย สลายตัวตามธรรมชาติ
  • เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ต้องการลองฉีดฟิลเลอร์ หรือต้องการผลลัพธ์ชั่วคราว
  • ตัวอย่าง: Restylane, Juvederm, Teosyal

ข้อดี:

  • ฟื้นฟูเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน
  • ราคาไม่แพง
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลองฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก หรือต้องการผลลัพธ์ชั่วคราว

ข้อเสีย:

  • ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน ต้องฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน
  • อาจมีอาการบวมแดงชั่วคราวหลังฉีด

2. ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler)

  • ผลิตจากสารสังเคราะห์ เข้ากับเนื้อเยื่อในชั้นผิว
  • อยู่ได้นาน 12-24 เดือน (ขึ้นอยู่กับการดูแลผิว)
  • สลายตัวได้เอง 100%
  • เหมาะสำหรับผู้ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น
  • ตัวอย่าง: Radiesse, Sculptra

ข้อดี:

  • ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว
  • เหมาะสำหรับผู้ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

ข้อเสีย:

  • ราคาแพงกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว
  • อาจมีอาการบวมแดงชั่วคราวหลังฉีด
  • อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

3. ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler)

  • ผลิตจากซิลิโคนเหลว
  • อยู่ได้ถาวร ไม่สามารถสลายตัวได้เอง
  • ต้องผ่าตัดเพื่อเอาออก
  • ความเสี่ยงสูง อาจเกิดอาการอักเสบ ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน และฟิลเลอร์ไหล
  • ไม่เป็นที่นิยมใช้ในคลินิกที่มีมาตรฐาน

ข้อควรระวัง:

  • ฟิลเลอร์ทุกชนิดมีความเสี่ยง
  • ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจฉีด
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ฟิลเลอร์ช่วยกู้ผิวอย่างไร?

  1. เติมเต็มร่องลึก: ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
  2. ยกกระชับผิวหน้า: ด้วยการฉีดเข้าไปในจุดที่ต้องการการยกกระชับ เช่น แก้มหรือกราม ฟิลเลอร์สามารถช่วยให้ใบหน้าดูมีโครงสร้างและกระชับขึ้น
  3. ปรับรูปหน้า: ฟิลเลอร์ยังช่วยให้สามารถปรับรูปหน้าให้ดูสมดุลและมีมิติมากขึ้น เช่น การเพิ่มปริมาณให้กับริมฝีปากหรือเสริมสันจมูก

ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์

แม้ฟิลเลอร์จะเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาผิวพรรณ แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ควรพิจารณา

  • เลือกผู้เชี่ยวชาญ: ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความชำนาญ เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย
  • ความต้องการที่ชัดเจน: ก่อนการฉีดควรมีการปรึกษาหารือกับแพทย์เพื่อวิเคราะห์ใบหน้าและปัญหาผิวพรรณที่ต้องการแก้ไข
  • การดูแลหลังการฉีด: มีการดูแลตนเองหลังการฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น การหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดที่บริเวณที่ฉีด

การฉีดฟิลเลอร์เมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญและมีการดูแลอย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาผิวเนียนไม่สวยหรือฟิลเลอร์ย้อยเป็นก้อน ซึ่งจะช่วยให้ใบหน้าของคุณดูอ่อนเยาว์และเป็นธรรมชาติอย่างยั่งยืน

การเลือกฟิลเลอร์ชนิดไหนให้ปลอดภัยต่อผิวมากที่สุด

การเลือกฟิลเลอร์ชนิดไหนให้ปลอดภัยต่อผิวมากที่สุด ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง

  • บริเวณที่ต้องการฉีด: ฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีเนื้อสัมผัสและความคงอยู่ที่แตกต่างกัน เหมาะกับการฉีดบริเวณที่แตกต่างกันไป
  • ปัญหาผิว: ต้องการแก้ไขปัญหาผิวแบบไหน เช่น ร่องแก้มลึก ริมฝีปากบาง ขมับตอบ
  • ผลลัพธ์ที่ต้องการ: ต้องการผลลัพธ์แบบธรรมชาติหรือแบบดูอวบอิ่ม
  • งบประมาณ: ฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีราคาแตกต่างกันไป

อย่างไรก็ตาม ฟิลเลอร์ชนิดที่ปลอดภัยต่อผิวมากที่สุดคือ ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid)

  • เป็นสารที่ร่างกายผลิตขึ้นตามธรรมชาติ
  • ไม่ก่อให้เกิดการแพ้
  • สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
  • มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิคที่มีจำหน่ายในประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ยี่ห้อหลักๆ ได้แก่

ฟิลเลอร์ Restylane

ฟิลเลอร์ Restylane ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก เป็นฟิลเลอร์ในกลุ่มกรดไฮยาลูรอนิคที่มีความปลอดภัยสูงมาก สามารถสลายตัวเองได้ 100% ผ่านการรับรองมาตรฐานจากคณะกรรมการอาหารและยาในนานาประเทศ ทั้งจากประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) รวมถึงประเทศไทย (Thai FDA)

ฟิลเลอร์ Restylane แตกต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร

ฟิลเลอร์ Restylane โดดเด่นด้วยเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง ฉีดแล้วผิวดูเนียนละมุน ดูเป็นธรรมชาติ ไม่จับตัวเป็นก้อนแข็ง โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane ใช้เทคโนโลยีสำคัญในการผลิต 2 เทคโนโลยี คือ

  • NASHA Technology ด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าผิวสามารถดึงโมเลกุลของน้ำในชั้นผิวเข้ามาเก็บในตัวฟิลเลอร์ จึงช่วยทำให้ผิวดูชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง สุขภาพดี ตัวเนื้อฟิลเลอร์มีหลายขนาดโมเลกุลให้เลือกใช้ ทั้งโมเลกุลขนาดใหญ่ กลางและเล็ก แพทย์ผู้ทำการรักษาสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของสภาพผิวแต่ละจุด โดยฟิลเลอร์ Restylane ที่ใช้เทคโนโลยี NASHA เนื้อฟิลเลอร์จะค่อนข้างหนา คงตัวได้ดี เหมาะกับคนไข้ที่ผิวหนาและแข็งแรง
  • OBT Technology ฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยเทคโนโลยีนี้มีความยืดหยุ่นและคงตัวดีเช่นเดียวกันค่ะ แต่จุดเด่นที่สำคัญ คือเทคโนโลยี OBT จะทำให้ฟิลเลอร์สามารถปรับได้ตามการเคลื่อนไหว จึงเหมาะกับการฉีดในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมากๆ เช่น รอยย่นระหว่างคิ้ว ปาก หรือคาง เมื่อฉีดเข้าผิวแล้วสามารถปรับรูปทรงได้หลากหลายกว่า เหมาะกับคนไข้ที่มีผิวบางและผิวที่ไม่ค่อยแข็งแรง

ฟิลเลอร์ Restylane มีกี่รุ่น แต่ละรุ่นควรฉีดจุดไหน

ด้วยความเป็นที่นิยมของฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane ในปัจจุบันจึงมีการพัฒนาออกมาหลากหลายรุ่น โดยมีรุ่นที่ผ่านมาตรฐานการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย (Thai FDA) ดังนี้

ฟิลเลอร์ Restylane แต่ละรุ่นมีอะไรบ้าง ต่างกันอย่างไร

1.RESTYLANE REFYNE

ฟิลเลอร์Restylane ในกลุ่ม OBT มีความเข้มข้นไฮยารูลอนิกแอซิด 20 มิลลิกรัม เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่มีส่วนผสมของยาชา มีความนิ่มและยืดหยุ่นที่สูง เหมาะสำหรับการแก้ไขบริเวณที่ผิวหนังบาง ๆ มีรอยยับเล็ก ๆ ที่ต้องการความละเอียด เช่น รอบดวงตา ทำให้ผิวดูอ่อนวัย ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12-18 เดือน

2.RESTYLANE

ฟิลเลอร์Restylane ในกลุ่ม NASHA เทคโนโลยี เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่ไม่มีส่วนผสมของยาชา เจลอนุภาคใหญ่ ออกแบบมาเพื่อให้มิติของใบหน้าที่ดี พร้อมทั้งมีแรงยกกระชับใบหน้า นิยมนำมาใช้ในการรักษาตำแหน่ง Midface เติมเต็มแก้มส้ม ร่องแก้ม ร่องพับมุมปาก ร่องพับคาง ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12-24 เดือน

3.RESTYLANE DEFYNE

ฟิลเลอร์Restylane ในกลุ่ม OBT มีความเข้มข้นไฮยารูลอนิกแอซิด 20 มิลลิกรัม มีความนิ่มปานกลางและยืดหยุ่นที่สูง นำมาใช้ในการรักษาบริเวณ midface หรือบางคนนำมาใช้ในการเติมเต็มแก้มส้ม ร่องน้ำหมาก ร่องพับคาง ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12-24 เดือน

4.RESTYLANE LYFT

ฟิลเลอร์Restylane ในกลุ่ม NASHA เทคโนโลยี เป็นรุ่นของฟิลเลอร์เรสทิเลนที่มีแรงในการยกกระชับมากที่สุดที่มีใช้ในประเทศไทย นิยมนำมาเติมเต็มแก้ไขในจุดที่ต้องการแรงยกสูง เช่น บริเวณขมับ ตามตำแหน่งเส้นเอ็นต่าง ๆ ของใบหน้า คาง ร่องแก้ม เป็นต้น ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12-15 เดือน

5.RESTYLANE VOLYME

ฟิลเลอร์Restylane ในกลุ่ม OBT มีความเข้มข้นไฮยารูลอนิกแอซิด 20 มิลลิกรัม มีความนิ่มปานกลาง และความยืดหยุ่นที่สูงมาก นิยมนำมาใช้ในการรักษาในตำแหน่งที่ต้องการการเติมเต็มที่สมบูรณ์แบบ เช่น บริเวณแก้มตอบ ร่องแก้ม เป็นต้น ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12-15 เดือน

6.RESTYLANE VITAL

ฟิลเลอร์Restylane ในกลุ่ม NASHA เทคโนโลยี คุณสมบัติในเรื่องของแรงยกที่ไม่มาก แต่มีคุณสมบัติเพิ่มเติมในเรื่องของปรับความชุ่มชื้นผิว สามารถนำมาแก้ไขปัญหา ริ้วรอย ร่องลึก ตื้น ๆ ได้เป็นอย่างดี สำหรับตำแหน่งที่นิยมในการเติมเต็มจะเป็นบริเวณหน้าผาก ที่ต้องการความฉ่ำวาวของผิว มีแรงยกเล็กน้อย และการเติมเต็มด้วยปริมาตรที่ไม่มากจนเกินไป ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12 เดือน

7.RESTYLANE VITAL LIGHT

ฟิลเลอร์Restylane ในกลุ่ม NASHA เทคโนโลยี มีความเข้มข้นไฮยารูลอนิกแอซิด 12 มิลลิกรัม เท่านั้นซึ่งน้อยกว่าฟิลเลอร์ทุกรุ่นในกลุ่ม ฟิลเลอร์ Restylane โดยปกติการใช้ฟิลเลอร์รุ่น vital light นี้ในการแก้ไขปัญหาจะใช้แก้ไขบริเวณ หลุมสิว รอยคล้ำใต้ตา หรือบริเวณที่ต้องการความชุ่มชื้นเป็นหลัก ไม่ได้เปลี่ยนแปลงปริมาตรมากจนเกินไป เช่น หลังฝ่ามือ ฝ่าเท้า รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ลำคอ และเนินอก ก็สามารถใช้ฟิลเลอร์รุ่นนี้ในการฉีดรักษาได้ ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12 เดือน

8.RESTYLANE SKIN BOOSTERS VITAL LIGHT WITH LIDOCANE

ฟิลเลอร์Restylane ในกลุ่ม ฟื้นฟู บำรุงผิว เพิ่มความชุ่มชื้นเข้าใต้ชั้นผิว ลดพังผืดหรือเป็นแผลใต้ชั้นผิว ซึ่งมีส่วนผสมของยาชา ทำให้สามารถฉีดผิวได้โดยที่ไม่รู้สึกเจ็บ ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน

9.RESTYLANE KYSSE

ฟิลเลอร์Restylane ในกลุ่ม OBT ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นเพื่อความงามของริมฝีปากโดยเฉพาะ  ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ฟิลเลอร์แบบ 2 in 1 คือสามารถเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอิ่มเอิบและสร้างรูปปากให้ชัดเจนไปได้พร้อมกัน ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานถึง 12 เดือน

วิธีสังเกต ฟิลเลอร์ Restylane ของแท้

ฟิลเลอร์Restylane ถือเป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ที่ต้องระมัดระวังในการฉีดรักษาเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากมีผู้นำเข้าแบบผิดกฎหมายปลอมแปลง และเป็นข่าวให้เห็นว่าถูกจับอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นการเลือกฟิลเลอร์แท้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก และลองสังเกตวิธีการดังต่อไปนี้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าได้ใช้ผลิตภัณฑ์แท้ ปลอดภัย

  1. บริษัทยาที่เป็นผู้ดูแลการจัดจำหน่ายอย่างถูกต้องของประเทศไทย ทำโดยบริษัท Galderma ซึ่งสามารถโทรเช็คกับบริษัท เพื่อตรวจสอบได้ว่าคลินิก สถานพยาบาลที่ใช้ยาอยู่นั้นมีการสั่งโดยตรงจากบริษัทจริงหรือไม่
  2. เอกสารกำกับยาข้างกล่องจะถูกติดไว้เป็นภาษาไทยเท่านั้น
  3. สำหรับสติ้กเกอร์ Hologram จะมีติดอยู่ที่กล่องเป็นสีทอง เห็นเงาสะท้อนชื่อบริษัท Galderma มีราคาข้างกล่องแจ้งไว้ชัดเจนที่ 25,000 บาท
  4. หากมีการใช้ชื่อว่า Skinbooster ที่ข้างกล่องจะเป็นของที่ต้องสงสัยทันที เนื่องจากชื่อนี้ไม่ได้รับยอมรับจากอย.ประเทศไทยให้ใช้ ดังนั้นหากที่ข้างกล่องมีชื่อ Skinbooster เขียนไว้ ให้สงสัยว่าจะเป็นฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์เถื่อนได้

eZTracker คืออะไร เกี่ยวข้องกับ ฟิลเลอร์ Restylane อย่างไร

เทคโนโลยีสุดล้ำของ Restylane QRCode จะช่วยรับรองได้ว่า ฟิลเลอร์Restylane เป็นของแท้ โดยจะระบุข้อมูลในแอพดังนี้

  • ผลิตภัณฑ์เป็นของแท้หรือของปลอม
  • ถ้าเป็นของแท้ กล่องผลิตภัณฑ์นั้นย้อมแมว หรือมีการติดสติ๊กเกอร์ซ้ำหรือไม่
  • ระบุว่าสแกน QRCode มาแล้วกี่ครั้ง
  • มีข้อมูลว่าผลิตภัณฑ์ถูกผลิตจากโรงงานใด, โรงงานตั้งอยู่ที่ไหน, นำส่งเข้าไทยอย่างถูกต้องเมื่อไหร่, จากบริษัทยามาถึงคลินิกเมื่อไหร่, หมอรับยาเมื่อไหร่, ยาหมดอายุเมื่อไหร่

ฟิลเลอร์ Juvederm

ฟิลเลอร์ Juvederm ฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานในวงการความงามทั่วโลก เป็นฟิลเลอร์ในกลุ่มกรดไฮยาลูรอนิค ที่มีความปลอดภัยและสลายตัวเองได้ 100% ผ่านการรับรองมาตรฐานจากคณะกรรมการอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) และประเทศไทย (Thai FDA)

ฟิลเลอร์ Juvederm แตกต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร?

ฟิลเลอร์ Juvederm โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีสำคัญอย่าง Hylacross และ Vycross ที่ทำให้ตัวเนื้อฟิลเลอร์ละเอียด มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยยกกระชับผิวได้ดี ไม่แข็งเป็นก้อน เมื่อฉีดเข้าผิวแล้วจะดูเนียนสวยเป็นธรรมชาติมาก เกิดโอกาสที่จะบวมน้ำหลังการฉีดได้น้อยมาก ผลลัพธ์หลังการฉีดอยู่ได้ยาวนาน นอกไปจากนี้ฟิลเลอร์ Juvederm ยังมีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บในขณะที่ฉีดฟิลเลอร์ได้

ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่รุ่น แต่ละรุ่นเหมาะกับจุดไหน

ฟิลเลอร์Juvederm จุดเด่นอยู่ที่มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี เพราะเป็น filler ที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยี Hylacross และ Vycross ที่เน้นการพัฒนาฟิลเลอร์ให้เป็นเนื้อเจลมีความเรียบเนียน มีทั้งหมด 6 รุ่น ดังนี้

1.Juvederm Ultra Plus

Juvederm Ultraplus เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและฟูมาก ทำให้เต็มสวย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องลึกต่าง ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามวัย ต้องการปรับรูปหน้า นิยมใช้เติมร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน

2.Juvederm Voluma

Juvederm Voluma เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งและฟูปานกลาง โมเลกุลขนาดใหญ่ มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการเติมใต้ตา ร่องแก้ม และสามารถเติมคางและขมับได้อย่างเป็นธรรมชาติ หรือส่วนอื่นได้ตามเทคนิคของแพทย์ สามารถคงผลลัพธ์อยู่นาน
ประมาณ 18 เดือน

3.Juvederm Volbella

Juvederm Volbella เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีโมเลกุลขนาดเล็กที่มีความละเอียดมากที่สุด เหมาะสำหรับการเติมหน้าผาก มีความเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน สามารถคงผลลัพธ์อยู่นานประมาณ 12 เดือน

4.Juvederm Volift

Juvederm Volift เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ที่มีความละเอียดมากกว่ารุ่น Ultraplus เหมาะสำหรับคนผิวบาง ฉีดบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปากไม่ลึกมากและเก็บรายละเอียดร่องแก้มชั้นตื้นได้ สามารถคงผลลัพธ์อยู่นานประมาณ 12 เดือน


5.Juvederm Volite

Juvederm Volite  เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียดใช้ฉีดใต้ตา ผิวชั้นตื้น บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป สามารถคงผลลัพธ์อยู่นานประมาณ 8-12 เดือน

6.Juvederm Volux

ฟิลเลอร์ Juvederm Volux เป็นรุ่นที่มีการพัฒนาออกมาล่าสุด เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ จึงมีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงสวย และคงรูปได้ดีที่สุดครับ จึงเหมาะสำหรับฉีดคาง ใต้ตา ขมับ และร่องแก้มชั้นลึก สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ
18-24 เดือน สามารถคงผลลัพธ์อยู่นานประมาณ 8-12 เดือน


ฟิลเลอร์ Neuramis

ฟิลเลอร์นิวรามิส (Neuramis) ฟิลเลอร์สัญชาติเกาหลี เป็นฟิลเลอร์กลุ่มกรดไฮยาลูรอนิค มีความปลอดภัยสูง สลายตัวได้เอง 100% ผ่านการรับรองมาตรฐานจากคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา เกาหลี และประเทศไทย (Thai FDA) สามารถมั่นใจในคุณภาพและความมีมาตรฐานของยี่ห้อนี้ได้เลยค่ะ อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีที่โดดเด่นในการผลิตอย่าง SHAPE Technology ทำให้คงผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างยาวนาน อีกหนึ่งความโดดเด่นของฟิลเลอร์ Neuramis คือมีราคาที่ย่อมเยากว่าเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นๆค่ะ ฟิลเลอร์แบรนด์นี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมผิวหน้าให้เต่งตึง ดูสวยละมุน ปรับใบหน้าได้รูปมากยิ่งขึ้นและมีงบประมาณจำกัด

ฟิลเลอร์ Neuramis มีกี่รุ่น ฉีดจุดไหนดี

ในปัจจุบันฟิลเลอร์ Neuramis ที่ผ่านมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในประเทศไทย (Thai FDA) และคลินิกต่างๆ นิยมฉีดให้กับคนไข้มีทั้งหมด 2 รุ่น ดังนี้

1) Neuramis Deep

  • เหมาะกับการฉีดบริเวณริมฝีปาก ร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก
  • ​ฟิลเลอร์รุ่นนี้ของ Neuramis ไม่มีส่วนผสมของยาชา เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็งระดับปานกลาง เมื่อฉีดเข้าผิวเนื้อจะฟู เหมาะกับจุดที่ผิวค่อนข้างบาง เช่น ริมฝีปาก คอ และแก้ม
  • ​ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน

2) Neuramis Volume Lidocaine

  • ​เหมาะกับริ้วรอยที่ค่อนข้างลึก เช่น ร่องแก้ม แก้มตอบ ยกกรอบหน้า หรือปรับโครงหน้า
  • ​คุณสมบัติโดยรวมค่อนข้างคล้ายกับตัว Deep แต่ตัว Volume Lidocaine มีส่วนผสมของยาชา เนื้อฟิลเลอร์แข็ง ขึ้นทรงได้สวย เมื่อฉีดเข้าผิวจะกลืนเข้ากับผิวได้ดี ไม่แข็งไม่ก้อน ดูเป็นธรรมชาติ
  • ​ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-24 เดือน

ฟิลเลอร์แท้ ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์เถื่อน สังเกตได้อย่างไร

การฉีดฟิลเลอร์เป็นการรักษาที่นิยมมากในปัจจุบัน เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์และลดริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะพบกับฟิลเลอร์ปลอมหรือเถื่อน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ การสามารถแยกแยะฟิลเลอร์แท้จากฟิลเลอร์ปลอมจึงเป็นสิ่งสำคัญ นี่คือวิธีที่คุณสามารถใช้เพื่อตรวจสอบว่าฟิลเลอร์ที่คุณกำลังจะใช้นั้นเป็นของแท้หรือไม่:

  1. ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์และฉลาก: ฟิลเลอร์แท้ควรมาในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดผนึกอย่างดีและไม่มีร่องรอยของการแกะ ควรมีฉลากข้อมูลที่ชัดเจนเป็นภาษาไทยตามกฎหมายขององค์การอาหารและยาของไทย (Thai FDA) ระบุรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ เช่น วันที่ผลิต, วันหมดอายุ, และรายละเอียดผู้ผลิต
  2. ราคา: ราคาของฟิลเลอร์แท้จะไม่ถูกเกินไป ถ้าคุณพบว่าราคาถูกผิดปกติ เช่น ต่ำกว่า 6,000 บาทต่อซีซี ควรตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอม
  3. ตรวจสอบยี่ห้อและผู้ผลิต: หากคลินิกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อที่คุณไม่คุ้นเคย ให้ค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตว่าฟิลเลอร์ยี่ห้อนั้นมีข้อมูลและรีวิวจากผู้ใช้อย่างไร ตรวจสอบว่าผ่านการรับรองจาก Thai FDA หรือไม่
  4. ความน่าเชื่อถือของคลินิกและแพทย์: เลือกคลินิกที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรองมาตรฐาน คลินิกควรมีสถานที่สะอาด ใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน และการรักษาควรดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ

ดังนั้นแล้วก่อนการตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ เราจึงควรศึกษารายละเอียดและหาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์และคลินิกที่เลือกเข้ารับการรักษาให้ดี เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองค่ะ ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่มาตรฐาน ดำเนินการรักษาด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านมาตรฐานการรับรองจาก อย. ของประเทศไทย (Thai FDA) เท่านั้น ที่ Siam Clinic เราให้บริการฉีดฟิลเลอร์อย่างมีมาตรฐาน ด้วยฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับมาตรฐานจาก อย. ของประเทศไทย อย่างฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm, Restylane และ Neuramis ออกแบบการรักษาและดำเนินการรักษาด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกเคส สู่ผลลัพธ์ผิวที่ยกกระชับ ปรับแต่งรูปหน้าให้สวยงามมากยิ่งขึ้น ให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าที่คุณคิด