หลายคนอาจสงสัยว่าสิวเม็ดเล็กๆ สีขาวที่มักจะเกิดขึ้นรอบๆ ดวงตา ใต้ตา หรือบริเวณใบหน้า คืออะไรกันแน่ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ “สิวข้าวสาร” หรือ Milia ที่แม้จะดูไม่น่าเป็นอันตราย แต่หากปล่อยทิ้งไว้หรือดูแลไม่ถูกต้อง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวได้
สิวข้าวสารคืออะไร? ใช่สิวจริง ๆ ไหม
สิวข้าวสาร หรือ สิวเม็ดข้าวสาร เป็นเม็ดเล็กๆ สีขาวหรือเหลืองอ่อนที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง ลักษณะคล้ายเม็ดข้าวสารจึงเรียกชื่อตามลักษณะที่ปรากฏ อย่างไรก็ตาม สิวข้าวสารไม่ใช่สิวในความหมายแท้จริง เนื่องจากไม่เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันหรือการติดเชื้อแบคทีเรียเหมือนสิวทั่วไป
ความแตกต่างระหว่างสิวข้าวสารกับสิวทั่วไป
| สิวข้าวสาร (Milia) | สิวทั่วไป (Acne) |
|---|---|
| เป็นถุงเคราติน | เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมัน |
| ไม่มีการอักเสบ | มีการอักเสบ แดง บวม |
| ขาวขุ่น ไม่เจ็บ | อาจเจ็บ มีหัวหนอง |
| ไม่เกี่ยวกับฮอร์โมน | เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน |
| ขนาดเล็ก 1-2 มม. | ขนาดแปรผัน |
สิวข้าวสารเกิดจากอะไร?
1. การสะสมของเนื้อเยื่อผิวหนังที่ตาย เนื้อเยื่อผิวหนังเก่าที่ควรจะหลุดออกไปตามธรรมชาติ กลับติดอยู่ใต้ผิวหนังชั้นบน ทำให้เกิดการสะสมและก่อตัวเป็นเม็ดเล็กๆ
2. ความไม่สมดุลของฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น ตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน อาจส่งผลให้เกิดสิวข้าวสารได้
3. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ครีมบำรุงผิวหนาเกินไป ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันมาก หรือการใช้เครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน
4. ปัจจัยทางพันธุกรรม บางคนมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวข้าวสารมากกว่าคนอื่น เนื่องจากลักษณะผิวหนังและการทำงานของเนื้อเยื่อผิว
5. การบาดเจ็บหรือการระคายเคืองผิว การถูกแสงแดดมากเกินไป การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว หรือการขัดผิวหยาบเกินไป

สิวข้าวสารอันตรายไหม?
โดยทั่วไป สิวข้าวสาร ไม่อันตรายต่อสุขภาพ และไม่แพร่กระจายเหมือนสิวอักเสบ แต่สามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ และถ้าพยายามบีบออกเองอาจทำให้ผิวบอบช้ำ เกิดรอยดำหรือหลุมถาวร
ถ้าปล่อยไว้จะหายเองหรือไม่
สิวข้าวสารบางกรณีอาจ หลุดออกเอง ได้ภายใน 2–3 เดือน โดยเฉพาะในทารกหรือผู้ที่มีการผลัดเนื้อเยื่อผิวดี แต่ในผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะ ไม่หายเอง และมักสะสมมากขึ้นหากไม่รักษา
วิธีรักษาสิวข้าวสารแบบปลอดภัย
การรักษาทางการแพทย์
1. การใช้เลเซอร์ เลเซอร์ CO2 หรือ Erbium laser สามารถทำลายสิวข้าวสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแพทย์จะใช้เลเซอร์ส่องเป็นจุดเล็กๆ เพื่อทำลายเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้น
2. การกรอผิว (Microdermabrasion) วิธีนี้ใช้เครื่องมือพิเศษในการกรอผิวชั้นบนออกอย่างนุ่มนวล ช่วยให้เนื้อเยื่อผิวหนังเก่าหลุดออกและลดการเกิดสิวข้าวสาร
3. การใช้เข็มปลอดเชื้อ แพทย์จะใช้เข็มปลอดเชื้อเจาะเม็ดสิวข้าวสารแล้วนำเนื้อเยื่อข้างในออกมา วิธีนี้ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
4. การใช้ยาทาผิว ยาที่มีส่วนผสมของ Retinoid หรือ AHA/BHA อาจช่วยในการป้องกันและลดสิวข้าวสารได้
การดูแลที่บ้าน
- ใช้ สกินแคร์ที่ช่วยผลัดเนื้อเยื่อผิว เช่น ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือ Retinol (เริ่มจากความเข้มข้นต่ำ)
- หลีกเลี่ยงครีมที่ มีน้ำมันหนัก หรือซิลิโคน เพราะจะยิ่งอุดตันผิว
- หมั่นล้างหน้าให้สะอาด โดยเฉพาะก่อนนอน
- ใช้ครีมบำรุงที่ เนื้อบางเบา ไม่ก่อการอุดตัน (Non-comedogenic)
ห้ามทำ! พฤติกรรมที่ทำให้สิวข้าวสารลุกลาม
- ห้าม บีบ แกะ หรือขูด เพราะอาจทำให้เกิดรอยดำถาวร
- หลีกเลี่ยง การขัดผิวแรง ๆ หรือใช้สครับเม็ดหยาบ
- อย่าใช้ผลิตภัณฑ์แรง ๆ โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เช่น ครีมผลัดผิวเข้มข้น
- ห้ามนำเข็มมาเจาะเองเด็ดขาด
คำถามที่พบบ่อย
สิวเม็ดข้าวสารบีบเองได้ไหม?
ไม่ควรบีบเอง เนื่องจากสิวข้าวสารมีเนื้อเยื่อที่แข็งและติดแน่นใต้ผิวหนัง การบีบเองอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ การติดเชื้อ หรือแผลเป็น แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจะมีเครื่องมือและเทคนิคที่เหมาะสมในการกำจัดสิวข้าวสารอย่างปลอดภัย
สิวเม็ดข้าวสารใต้ตาอันตรายหรือเปล่า?
สิวข้าวสารใต้ตาโดยทั่วไปแล้วไม่อันตราย แต่ต้องระวังในการดูแลเนื่องจากบริเวณใต้ตามีผิวหนังที่บอบบางกว่าส่วนอื่น การรักษาควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและปรึกษาแพทย์หากมีสิวข้าวสารจำนวนมากหรือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
สิวเม็ดข้าวสารหายเองได้ไหม?
ในเด็กเล็ก สิวข้าวสารมักจะหายเองได้ภายในไม่กี่สัปดาห์หรือเดือน เนื่องจากกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อผิวหนังใหม่ยังทำงานได้ดี
ในผู้ใหญ่ สิวข้าวสารมักจะคงอยู่เป็นเวลานานและอาจเพิ่มจำนวนมากขึ้น หากไม่ได้รับการดูแลหรือรักษาที่เหมาะสม บางครั้งอาจหายไปเองหากร่างกายสามารถผลัดเนื้อเยื่อผิวหนังเก่าออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รักษาสิว ที่ siam clinic


