เห็ด เชื้อราชั้นสูง แหล่งโปรตีนจากพืช อุดมสารต้านอนุมูลอิสระ

หัวข้อในบทความนี้

หลายคนอาจคุ้นเคยกับเห็ดในเมนูอาหารไทยและสากล ไม่ว่าจะเป็นต้มยำเห็ด น้ำซุปใส

หรือสเต็กเห็ดพอร์โทเบลโล แต่รู้หรือไม่ว่าเห็ดไม่ได้เป็นเพียงอาหารเพิ่มรสชาติ แต่ยังถูกยกย่องว่าเป็น “Superfood” จากนักโภชนาการทั่วโลก เพราะเป็นทั้ง แหล่งโปรตีนจากพืช และเต็มไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องร่างกายจากโรคต่าง ๆ

เห็ดคืออะไร ทำไมเรียกว่าเชื้อราชั้นสูง?

เห็ดเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอาณาจักร “เชื้อรา” (Fungi) ไม่ใช่ทั้งพืชและสัตว์ แต่มีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้จัดอยู่ในกลุ่ม เชื้อราชั้นสูง (Higher Fungi) ซึ่งสามารถสร้างดอกเห็ดและสปอร์เพื่อสืบพันธุ์ได้

ความแตกต่างของเชื้อราและพืช

พืชสามารถสังเคราะห์แสงได้ด้วยคลอโรฟิลล์ แต่เห็ดและเชื้อราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ พวกมันต้องดูดซึมสารอาหารจากสิ่งมีชีวิตอื่นหรือซากพืชซากสัตว์แทน นี่จึงเป็นเหตุผลที่เห็ดเต็มไปด้วยเอนไซม์และสารอาหารเข้มข้น

ประเภทของเห็ดที่กินได้

มีเห็ดหลากหลายชนิดที่สามารถนำมารับประทานได้ เช่น

  • เห็ดหอม (Shiitake) – อุดมด้วยกรดอะมิโนและสารต้านอนุมูลอิสระ
  • เห็ดหลินจือ (Reishi) – นิยมใช้ในแพทย์แผนจีนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
  • เห็ดพอร์โทเบลโล – แหล่งโปรตีนจากพืชยอดนิยมในเมนูมังสวิรัติ
  • เห็ดเข็มทอง – มีไฟเบอร์สูง ช่วยระบบย่อยอาหาร
  • เห็ดไมตาเกะ – มีเบต้า-กลูแคนช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

โปรตีนจากพืชในเห็ด

เห็ดเป็นหนึ่งในอาหารที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม โปรตีนจากพืช (Plant-based Protein) และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์

โปรตีนในเห็ดเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์

แม้ปริมาณโปรตีนในเห็ดจะน้อยกว่าเนื้อสัตว์ (ประมาณ 3–5 กรัมต่อ 100 กรัม) แต่เมื่อรวมกับอาหารพืชชนิดอื่น เช่น ถั่ว เต้าหู้ หรือธัญพืช ก็สามารถทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งโปรตีนในเห็ดมีไขมันต่ำและปราศจากคอเลสเตอรอล

กรดอะมิโนจำเป็นในเห็ด

สิ่งที่ทำให้เห็ดน่าสนใจคือการมีกรดอะมิโนจำเป็นหลายชนิด เช่น ไลซีน (Lysine), วาลีน (Valine), และลิวซีน (Leucine) ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ แต่จำเป็นต่อการสร้างกล้ามเนื้อและการซ่อมแซมเซลล์

เหมาะกับผู้ทานมังสวิรัติและวีแกน

เห็ดถูกยกให้เป็น “พระเอก” ของเมนูมังสวิรัติ เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งโปรตีนจากพืชแล้ว ยังให้รสสัมผัส (umami) ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ ทำให้ทานแล้วอิ่มท้องและไม่รู้สึกขาดโปรตีน

สารต้านอนุมูลอิสระในเห็ด

นอกจากโปรตีนแล้ว เห็ดยังเต็มไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ โดยช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังและชะลอวัย

สารโพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์

เห็ดหลายชนิดมีโพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสียหายของเซลล์ และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ รวมถึงโรคมะเร็งบางชนิด

สารเบต้า-กลูแคน (β-glucan) และการเสริมภูมิคุ้มกัน

เบต้า-กลูแคนในเห็ด เช่น เห็ดหอมและเห็ดไมตาเกะ มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน และยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

ประโยชน์ของเห็ด

การบริโภคเห็ดเป็นประจำมีผลดีหลายด้าน ไม่ใช่แค่ด้านโภชนาการ แต่ยังเกี่ยวข้องกับสุขภาพองค์รวม

บำรุงระบบย่อยอาหาร

เห็ดมีใยอาหารสูง โดยเฉพาะเห็ดเข็มทองที่ช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ ลดอาการท้องผูก และช่วยรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้

เสริมภูมิคุ้มกัน

สารต้านอนุมูลอิสระและเบต้า-กลูแคนในเห็ดช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายต้านทานเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น

ลดการอักเสบและความเครียดออกซิเดชัน

งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า เห็ดมีฤทธิ์ลดการอักเสบในระดับเซลล์ และช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ทำให้ชะลอกระบวนการชราและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเห็ด

Q: เห็ดทุกชนิดกินได้หรือไม่?
A: ไม่ใช่ทุกชนิด เห็ดบางชนิดเป็นพิษร้ายแรง ดังนั้นควรเลือกทานเฉพาะเห็ดที่ผ่านการเพาะเลี้ยงและจำหน่ายอย่างปลอดภัย

Q: การกินเห็ดแทนเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียวเพียงพอไหม?
A: แม้เห็ดเป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ดี แต่ควรทานร่วมกับอาหารพืชชนิดอื่น เพื่อให้ได้รับกรดอะมิโนครบถ้วนและเพียงพอต่อร่างกาย

Q: สารต้านอนุมูลอิสระในเห็ดช่วยป้องกันมะเร็งจริงหรือไม่?
A: งานวิจัยบางชิ้นพบว่าสารบางชนิดในเห็ด เช่น เบต้า-กลูแคน และโพลีฟีนอล มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง แต่ยังต้องการหลักฐานเพิ่มเติมในมนุษย์

Q: เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากระเพาะอาหารหรือไม่?
A: เห็ดส่วนใหญ่ปลอดภัยต่อการบริโภค แต่บางคนอาจมีอาการท้องอืดหรือลำไส้ไวต่อใยอาหาร ควรทานในปริมาณพอเหมาะ


ติดต่อเราวันนี้ เพื่อนัดหมายการปรึกษาเบื้องต้น และเริ่มต้นเส้นทางสู่สุขภาพที่ดีกับการดูแลแบบมืออาชีพ

📍  บริการของเรา