ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ สาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษา

หัวข้อในบทความนี้

ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำคืออะไร?

ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ (Low Testosterone หรือ Hypogonadism) คือภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนได้น้อยกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดปัญหา เช่น ความต้องการทางเพศลดลง อ่อนเพลีย กล้ามเนื้อลดลง อารมณ์แปรปรวน และเสี่ยงมีลูกยาก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

สาเหตุของภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ

  • อายุที่เพิ่มขึ้น – ระดับฮอร์โมนจะลดลงตามวัยตั้งแต่ช่วง 40 ปีขึ้นไป
  • โรคเรื้อรัง – เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน ดื้อต่ออินซูลิน
  • ภาวะความเครียดเรื้อรัง – ฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงกระทบต่อการผลิตเทสโทสเตอโรน
  • พฤติกรรมไม่ดี – เช่น การนอนน้อย สูบบุหรี่ ดื่มสุรา
  • ปัญหาที่ต่อมใต้สมองหรือไขสันหลัง – ส่งผลถึงการสั่งการผลิตฮอร์โมน

อาการของภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ

  • อารมณ์แปรปรวน หดหู่ ซึมเศร้า
  • สมรรถภาพทางเพศลดลง เช่น ความต้องการทางเพศลดลงหรือมีปัญหาในสมรรถภาพทางเพศ
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้น มวลกล้ามเนื้อลดลง
  • ความเหนื่อยล้า สภาพร่างกายฉิวเฉียด
  • ผิวหนังแห้ง ผมร่วงง่าย
  • สมาธิและความจำลดลง
ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ

12 สัญญาณบ่งบอกว่าคุณอาจมีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย

1. ความต้องการทางเพศลดลง

หนึ่งในสัญญาณที่พบบ่อยที่สุดของภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายคือการสูญเสียความต้องการทางเพศ หรือ Libido ต่ำลง ผู้ชายที่มีระดับเทสโทสเตอโรนต่ำมักรู้สึกไม่กระตือรือร้นต่อกิจกรรมทางเพศ ไม่รู้สึกตื่นเต้น หรือไม่เกิดอารมณ์ทางเพศเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งไม่ใช่แค่ปัญหาชั่วคราว แต่สะท้อนความไม่สมดุลของฮอร์โมนภายในร่างกาย

2. อวัยวะเพศแข็งตัวลดลง

ภาวะ Erectile Dysfunction (ED) หรือการแข็งตัวของอวัยวะเพศลดลง เป็นอาการที่สัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่ลดต่ำ ความผิดปกตินี้อาจทำให้การแข็งตัวเกิดขึ้นช้า ไม่เต็มที่ หรือคงอยู่ได้ไม่นาน ทั้งยังเกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของเลือด เส้นประสาท และระบบสัญญาณจากสมอง ซึ่งล้วนได้รับผลจากระดับฮอร์โมนเพศชายโดยตรง

ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ

3. ปริมาณน้ำอสุจิต่ำ

เทสโทสเตอโรนไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และสมรรถภาพทางเพศเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้าง น้ำอสุจิ (Semen Production) ด้วย เมื่อระดับฮอร์โมนต่ำ ร่างกายจะผลิตน้ำอสุจิลดลง ทำให้ปริมาณอสุจิน้อยลง ซึ่งอาจมีผลต่อความสามารถในการมีบุตร โดยเฉพาะในผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป

4. ผมร่วง

การร่วงของเส้นผมโดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ หรือผมบางลงอย่างผิดปกติ อาจเกี่ยวข้องกับภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ เทสโทสเตอโรนเป็นฮอร์โมนที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม โดยเฉพาะในบริเวณเครา หนวด และหนังศีรษะ การลดลงของฮอร์โมนนี้อาจกระตุ้นให้เกิด ภาวะศีรษะล้านแบบผู้ชาย (Male Pattern Baldness) เร็วกว่าปกติ

5. ความเหนื่อยล้า

หากคุณรู้สึก อ่อนเพลียเรื้อรัง (Chronic Fatigue) แม้นอนหลับเพียงพอ อาจไม่ใช่แค่เรื่องของการพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่เป็นสัญญาณจากร่างกายว่า “ระดับฮอร์โมนเพศชายกำลังลดต่ำลง” เทสโทสเตอโรนมีบทบาทสำคัญในการสร้างพลังงานพื้นฐานของร่างกาย และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากความเครียด หากฮอร์โมนไม่สมดุล อาจทำให้รู้สึกหมดแรงแม้ในช่วงเช้า

6. การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ

หนึ่งในผลกระทบด้านรูปร่างที่เห็นได้ชัดจาก ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ คือ มวลกล้ามเนื้อลดลง (Muscle Loss) เทสโทสเตอโรนมีบทบาทสำคัญในการสร้างและรักษากล้ามเนื้อ หากฮอร์โมนต่ำ การสังเคราะห์โปรตีนจะลดลง ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือฝ่อลีบ โดยเฉพาะบริเวณแขน ต้นขา หรืออก และอาจรู้สึกว่าการออกกำลังกายไม่ได้ผลเท่าที่ควร

7. ปริมาณไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น

มีแนวโน้มที่ไขมันหน้าท้องจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในผู้ชายวัยกลางคนที่ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเริ่มลดลง การที่ฮอร์โมนต่ำส่งผลให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง ร่างกายเก็บไขมันง่ายขึ้น รวมถึงความเสี่ยงต่อภาวะ ดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) และ กลุ่มอาการเมตาบอลิซึม (Metabolic Syndrome) ที่เป็นต้นทางของโรคเบาหวาน ความดัน และหัวใจ

ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ

8. มวลกระดูกลดลง

ฮอร์โมนเพศชายมีบทบาทต่อการรักษาความหนาแน่นของมวลกระดูก หากระดับเทสโทสเตอโรนต่ำลงอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้กระดูกบางลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นภาวะ กระดูกพรุน (Osteoporosis) หรือ กระดูกเปราะแตกง่าย ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการหกล้มแล้วกระดูกหัก แม้ในกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดินเร็วหรือขึ้นบันได

9. อารมณ์เปลี่ยนแปลง

ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายส่งผลต่อสารสื่อประสาทในสมองโดยตรง อาการที่พบได้บ่อยคือ อารมณ์แปรปรวน (Mood Swings) หงุดหงิดง่าย ขาดแรงจูงใจ หรือเกิดภาวะ ซึมเศร้าแบบเรื้อรัง (Low-grade Depression) โดยที่บางคนไม่รู้ตัว ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนมีส่วนเชื่อมโยงกับความมั่นใจ พลังชีวิต และความมั่นคงทางอารมณ์โดยรวม

10. ความสามารถในการจดจำลดลง

ผู้ชายบางรายอาจพบว่าความจำสั้นลดลง หลงลืมง่าย หรือมีปัญหาในการจดจ่อกับงานหรือบทสนทนา เป็นผลมาจากการที่ระดับเทสโทสเตอโรนต่ำมีผลกระทบต่อสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำและความคิด โดยเฉพาะในผู้สูงวัยที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะ สมองเสื่อม (Cognitive Decline)

11. ขนาดลูกอัณฑะเล็กลง

ภาวะเทสโทสเตอโรนต่ำอาจทำให้ ขนาดของลูกอัณฑะ (Testicular Atrophy) หดตัวลง เนื่องจากการผลิตฮอร์โมนไม่เพียงพอ ร่างกายจึงลดสัญญาณการผลิตและส่งผลต่อโครงสร้างของอัณฑะโดยตรง โดยไม่สัมพันธ์กับอายุหรือพฤติกรรมทางเพศ

12. ความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงต่ำ

ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนมีหน้าที่กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงในไขกระดูก หากฮอร์โมนต่ำลงจะทำให้ระดับ ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ต่ำลงด้วย ส่งผลให้เกิดภาวะซีด อ่อนแรง เหนื่อยง่าย หายใจเร็ว และหัวใจเต้นแรงเมื่อออกแรง เช่น ขณะเดินขึ้นบันได หรือออกกำลังกายเบา ๆ

เราจะดูแลตนเองให้มีระดับฮอร์โมนเพศชายปกติได้อย่างไร?

  • พักผ่อนให้เพียงพอ – นอน 7–8 ชั่วโมงต่อคืน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – โดยเฉพาะเวทเทรนนิ่งเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
  • รับประทานอาหารที่เหมาะสม – เน้นโปรตีนสูง ไขมันดี และผักผลไม้
  • ควบคุมน้ำหนัก – ลดภาวะอ้วน และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
  • บริหารความเครียด – เช่น ฝึกสมาธิ โยคะ หรือหาเวลาพักผ่อน

ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำรักษาได้อย่างไร?

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต (Lifestyle Optimization)

  • ลดน้ำหนักหากอ้วน
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  • นอนหลับให้ครบ 7–8 ชั่วโมง
  • ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งและคาร์ดิโออย่างสม่ำเสมอ

2. การรักษาด้วยยา (Testosterone Replacement Therapy – TRT)

  • ให้เทสโทสเตอโรนในรูปแบบต่างๆ เช่น ยาฉีด แผ่นแปะ หรือยาเหน็บ
  • ต้องทำภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อตรวจระดับฮอร์โมนอย่างสม่ำเสมอ
  • มีผลข้างเคียงที่ควรระวัง เช่น การเพิ่มระดับไขมันในเลือด โรคต่อมลูกหมาก และปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ