ไขมันทรานส์คืออะไร? ตัวร้ายเงียบๆ ที่ซ่อนอยู่ในของกินใกล้ตัว!

หัวข้อในบทความนี้

ไขมันทรานส์ (Trans Fat) เป็นหนึ่งในไขมันที่ถูกขนานนามว่า “ตัวร้ายเงียบ ๆ” เพราะสามารถก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้รุนแรงและเงียบเชียบกว่าที่หลายคนคิด โดยเฉพาะในยุคที่อาหารแปรรูปและของทอดกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

บทความนี้จะพาไปรู้จักกับไขมันทรานส์แบบเจาะลึก ว่ามันคืออะไร พบได้ในอาหารอะไรบ้าง ทำไมถึงอันตราย และต่างจากไขมันชนิดอื่นอย่างไร

ไขมันทรานส์คืออะไร?

ไขมันทรานส์ หรือชื่อเต็มว่า Trans Fatty Acids เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่เกิดจากกระบวนการทางเคมีที่เรียกว่า Hydrogenation ซึ่งเป็นการเติมไฮโดรเจนลงในน้ำมันพืช เพื่อเปลี่ยนจากสถานะของเหลวให้กลายเป็นของแข็งหรือกึ่งแข็ง เช่น มาการีน หรือเนยขาว

กระบวนการนี้ถูกใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อเพิ่มความคงตัว ยืดอายุการเก็บรักษา และทำให้อาหารมีเนื้อสัมผัสที่กรอบอร่อยมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีไขมันทรานส์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ และผลิตภัณฑ์นมบางชนิด แต่ปริมาณมักน้อยมาก และไม่ใช่ต้นเหตุหลักของปัญหาสุขภาพ

ไขมันทรานส์พบได้ในอาหารประเภทใดบ้าง?

แม้หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยจะเริ่มควบคุมการใช้ไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์อาหาร แต่ไขมันทรานส์ยังสามารถพบได้ในอาหารทั่วไปหลายประเภท โดยเฉพาะในอาหารแปรรูปหรืออาหารทอดน้ำมันท่วม

ตัวอย่างอาหารที่มักมีไขมันทรานส์แฝงอยู่

  • ขนมอบ เช่น พาย ครัวซองต์ โดนัท คุกกี้
  • ของทอดที่ใช้น้ำมันซ้ำหลายครั้ง เช่น เฟรนช์ฟรายส์ ปาท่องโก๋ นักเก็ต
  • ขนมขบเคี้ยว เช่น มันฝรั่งทอด บิสกิต ขนมเวเฟอร์
  • ครีมเทียม (Non-dairy creamer) คอฟฟี่เมต
  • มาการีน เนยขาว
  • เบเกอรี่หรือแป้งสำเร็จรูปบางชนิด

ที่น่ากลัวคือ อาหารเหล่านี้มักไม่มีรสหรือกลิ่นที่บ่งบอกถึงอันตราย แต่กลับซ่อน ไขมันทรานส์ในปริมาณที่สูง และถูกบริโภคเป็นประจำโดยไม่รู้ตัว

ไขมันทรานส์พบได้ในอาหาร

ทำไมไขมันทรานส์ถึงอันตรายต่อร่างกาย?

สิ่งที่ทำให้ ไขมันทรานส์ ถูกเรียกว่า “ตัวร้ายเงียบ ๆ” ก็เพราะมันส่งผลกระทบต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจอย่างชัดเจน โดยไม่แสดงอาการในระยะแรก

ผลเสียของไขมันทรานส์ที่มีงานวิจัยรองรับ:

  • เพิ่มระดับไขมันเลว (LDL) และลดไขมันดี (HDL) ในเลือด
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • เพิ่มการอักเสบในร่างกาย และอาจเชื่อมโยงกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2
  • เพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง
  • อาจเกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์และภาวะมีบุตรยาก

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ไม่มีปริมาณไขมันทรานส์ที่ “ปลอดภัย” ต่อสุขภาพ และแนะนำให้บริโภค ต่ำกว่า 1% ของพลังงานที่ได้ต่อวัน หรือไม่เกิน 2 กรัมต่อวันสำหรับคนทั่วไป

ไขมันทรานส์ต่างจากไขมันอิ่มตัวหรือไขมันดีอย่างไร?

การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง ไขมันทรานส์, ไขมันอิ่มตัว, และ ไขมันไม่อิ่มตัว (ไขมันดี) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพ

ประเภทไขมันแหล่งที่พบผลต่อร่างกาย
ไขมันทรานส์มาการีน, เบเกอรี่, ของทอดเพิ่ม LDL, ลด HDL → อันตรายต่อหัวใจ
ไขมันอิ่มตัวเนื้อสัตว์, นม, น้ำมันมะพร้าวเพิ่ม LDL แต่ไม่ลด HDL, ควรบริโภคในปริมาณจำกัด
ไขมันไม่อิ่มตัว (ดี)ปลา, ถั่ว, น้ำมันมะกอก, อะโวคาโดช่วยลด LDL, เพิ่ม HDL, ป้องกันโรคหัวใจ

การเลือกบริโภคไขมัน “ดี” แทนไขมันทรานส์ จะช่วยให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น และลดความเสี่ยงโรคร้ายในระยะยาว

สรุป

แม้ไขมันทรานส์จะไม่มีกลิ่น สี หรือรสชาติเฉพาะ แต่ผลกระทบต่อร่างกายไม่ควรถูกมองข้าม การอ่านฉลากโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป และเลือกไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก ถั่ว และปลา จะช่วยให้คุณดูแลหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง เบาหวาน หรือภาวะอักเสบเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนโภชนาการและดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : โปรแกรม กระชับสัดส่วน